572
นิทาน สิ่งเล็ก ๆ ที่สร้างลูกในช่วงปฐมวัย

นิทาน สิ่งเล็ก ๆ ที่สร้างลูกในช่วงปฐมวัย

โพสต์เมื่อวันที่ : August 23, 2021

"นิทาน" คือ สื่อการสอนที่ดีที่สุด ที่ดีพอ และพอดีในการกระตุ้นพัฒนาการในด้านต่าง ๆ อย่างรอบด้านโดยเฉพาะเรื่องของภาษา จินตนาการและสมาธิ

 

โดยการอ่านหนังสือนิทานในวัยเด็กเล็กที่เริ่มรู้เรื่องแล้วจะเริ่มมีความแตกต่างจากช่วงเด็กอ่อนที่ยังอาจไม่ได้รู้ภาษาและการดำเนินเรื่องมากนัก เด็กช่วงปฐมวัยเริ่มเรียนรู้ว่าหนังสือนั้นอ่านตั้งแต่หน้าแรกไปจบที่หน้าสุดท้าย เนื้อเรื่องดำเนินไปจนถึงบทสรุปจบ จากซ้ายไปขวา (สำหรับวิธีการอ่านหนังสือแบบสากล โดยหากเป็นแบบญี่ปุ่นจะอ่านจากขวาไปซ้าย) หนังสือควรตั้งอ่านในแนวใด เด็กเริ่มเรียนรู้ว่าแบบใดหรือการอ่านกลับหัว หากหนังสือนิทานมีหลายภาษา เด็กจะเริ่มจำได้ว่าเล่มใดเป็นภาษาใด และเริ่มเรียนรู้ว่าภาษาเขียนในนิทานนั้นมีความแตกต่างจากภาษาพูดในชีวิตประจำวัน 

 

 

สิ่งเหล่านี้คือ ทักษะการอ่านหนังสือที่เด็กจะได้รับจากการอ่านหนังสือ นอกเหนือไปจากการได้รับคำศัพท์และความสนุกสนานน่าติดตามจากหนังสือนิทานแต่ละเล่ม ถือเป็นหมุดไมล์สำคัญต่อพัฒนาการทางด้านภาษาและการอ่านของเด็กในอนาตต ดังนั้นพ่อแม่จึงควรอ่านหนังสือนิทานให้ลูกฟังอย่างสม่ำเสมอ หากไม่รู้จะเริ่มอย่างไร วันนี้ลองมาเริ่มอ่านหนังสือนิทานให้ลูกฟังด้วยหลักดังนี้

 

✚ เริ่มอ่านได้เลยตั้งแต่วันนี้ ✚

หากคำถามที่มีอยู่ในใจของพ่อแม่คือ “เราควรเริ่มอ่านนิทานให้ลูกฟังตั้งแต่เมื่อไรดี” คำตอบก็คือ “เริ่มวันนี้ได้เลย” เพราะไม่ว่าลูกจะมีอายุเท่าไรก็ได้ประโยชน์เสมอจากการอ่านนิทาน ตั้งแต่แรกเกิด การได้มองเห็นภาพที่สีสันฉูดฉาด ได้ยินเสียงพ่อแม่ ได้เห็นนิ้วมือพ่อแม่ชี้ไปที่นิทานแต่ละหน้าก็ได้ประโยชน์แล้วนั่นเอง ในวัยเรียน การได้นั่งอ่านหนังสือนิทานกับพ่อแม่ทุกวันถือเป็นเวลาคุณภาพระหว่างกันที่ง่ายที่สุดทุกวันอยู่แล้ว 

 

✚ พลังแห่งการอ่านออกเสียง ✚

การอ่านออกเสียงที่ดัง ชัด ช้า มีจังหวะจะโคน และสม่ำเสมอจะช่วยดึงความสนใจของลูกเข้าหาพ่อแม่และสนใจการอ่านนิทาน โดยเฉพาะในช่วงแรกที่เริ่มอ่านสำหรับลูกที่ยังเป็นเด็กอ่อนวัยแบเบาะและเตาะแตะ ลูกอาจยังไม่สนใจหรือยังไม่เข้าใจการอ่านนิทานนัก บางทีก็เข้ามาคว้าหนังสือนิทานออกมาจากมือเรา บ้างก็เข้ามาแทะหนังสือ แต่เมื่อพ่อแม่อ่านออกเสียงอย่างสม่ำเสมอ ในอีกไม่นานลูกจะค่อย ๆ เข้าหาเรา เริ่มสนใจในสิ่งที่พ่อแม่มองและออกเสียง และอ่านนิทานกับเราในที่สุด 

 

✚ พลังแห่งการอ่านซ้ำ ✚

หนังสือเล่มโปรด และการอ่านซ้ำไปซ้ำมาเป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากลูกจะได้ทักษะมากมายจากการอ่านหนังสือเล่มเดิมซ้ำ ๆ โดยพ่อแม่อย่างเราต้องไม่ย่อท้อที่จะอ่านนิทานเล่มโปรดซ้ำ ๆ ให้ลูกได้ฟัง ต้องสนุกสนานแม้จำเป็นรอบที่ 300 ที่พ่อแม่เริ่มเสียงแหบเสียงแห้งแล้วก็ตาม พ่อแม่อย่าเพิ่งเบื่อไปเสียก่อนนะครับ เพราะการอ่านซ้ำจะช่วยปลูกฝังและสร้างความสามารถในการอ่านคำศัพท์และออกเสียงให้กับลูก เด็กหลายคนสามารถจดจำประโยคจากหนังสือนิทานได้ พ่อแม่ก็สามารถอ่านแล้วให้ลูกเป็นคนพูดคำพูดปิดท้ายประโยคได้เลย ซึ่งการสอดแทรกสิ่งที่ดีผ่านประโยคที่คุ้นเคยจะสามารถเอื้อให้ลูกสามารถนำเอาสิ่งที่จดจำไปนำใช้ได้ในชีวิตประจำวัน เช่น การแปรงฟัน การอาบน้ำ การลดการกินขนมเพราะอาจทำให้ฟันผุ เป็นต้น 

 

โดยการอ่านนิทานรอบที่ 10 กับรอบที่ 100 ย่อมต้องมีความแตกต่างกันเสมอ โดยเฉพาะการแปลความ การเพิ่มคำถามเพื่อเปิดสนทนาและจินตนาการใหม่ ๆ ให้กับลูกได้ด้วย ตัวละครนี้กำลังทำอะไรอยู่ ทำไมเขาต้องทำแบบนั้น ถ้าเขาทำแบบนั้นจะเกิดอะไรขึ้น แล้วถ้าไม่ทำล่ะเกิดอะไรขึ้น ตัวละครอีกตัวจะรู้สึกอย่างไร ลองถามลูกว่า เขาชอบอะไรหรือตัวละครใดในนิทานเล่มนี้มากที่สุดและเพราะอะไร โดยการอ่านและต่อยอดนิทานควรอยู่บนพื้นฐานของการอ่านที่สนุกสนาน ไม่ใช่คอยจ้องแต่จะกระตุ้นพัฒนาการหรือประเมินความสัมฤทธิ์ผลในการอ่านนิทานนะครับ

 

✚ พลังแห่งความสม่ำเสมอ ✚

การอ่านหนังสืออย่างสม่ำเสมอสร้างความคุ้นเคยกับการอ่านนิทาน ทำให้ลูกรู้สึกว่า ‘การอ่าน' เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของเขาและจะสร้างการเป็นนักอ่านที่ดีในอนาคต โดยคุณพ่อคุณแม่สามารถนำการอ่านนิทานเป็นหนึ่งใน ‘กิจวัตร' ในตารางชีวิตประจำวันของคนในครอบครัวได้เลย โดยเฉพาะก่อนนอน เนื่องจากการอ่านนิทานเป็นกิจกรรมที่ไม่มีการเคลื่อนไหวร่างกาย เป็นกิจกรรมที่สงบ สร้างสมาธิ อ่านเสร็จร่างกายและจิตใจก็ปลอดโปร่ง เริ่มง่วงนอนและเข้านอนได้ไม่ยากเลยครับ 

 

อย่าลืมว่า เป้าหมายของการอ่านนิทานก็คือ ความสนุกสนาน การสร้างประสบการณ์ผ่านการอ่าน และปลูกฝังการเป็นเด็กรักการอ่านให้กับลูกตั้งแต่วัยเด็ก โดยประโยชน์อื่น ๆ ถือเป็นผลพลอยได้ที่ตามมาจากการอ่านนั่นเอง ถ้าการอ่านนิทานกลายเป็นภาระและความเครียดให้กับพ่อแม่และลูก แบบนั้นน่าจะมีอะไรที่ต้องปรับเปลี่ยนกันแล้วนะครับ ลองเอาบทความนี้ไปปรับใช้กับการอ่านนิทานให้กับลูก ๆ ที่บ้านกันนะครับ