
รับมือลูกโกหก
หยุดสั่งสอนและเลคเชอร์เกี่ยวกับความไม่ดีของการโกหกก่อน แล้วพูดกันตรง ๆ
บางคนเป็นเด็กเลี้ยงง่าย กินง่าย นอนง่าย มีชีวิตที่คาดเดาได้ กินเป็นเวลา ขับถ่ายเป็นเวลา ขณะที่บางคนเลี้ยงยาก คาดเดาได้ยาก หิว-อิ่มไม่เป็นเวลา ไวต่อการเปลี่ยนแปลงของสิ่งรอบตัว ร้องไห้ง่าย บางคนเพียงแค่ผายลมก็ร้องไห้แล้ว เราทุกคนต่างมีความแตกต่างกัน แต่บ่อยครั้งเรากลับมองความแตกต่างผ่าน 'ไม้บรรทัด' ของใครบางคน
ดี - ไม่ดี
เก่ง - ไม่เก่ง
สวย - ไม่สวย
มีค่า - ไร้ค่า
ผู้ชนะ - ผู้แพ้
น่ารัก - น่ารังเกียจ
สูงสง่า - เตี้ยม่อต้อ
รวย - จน
ประสบความสำเร็จ - ย่ำอยู่กับที่
และอีกมากมายที่ใช้ตัดสินผู้คน ผ่าน 'มาตรวัด' บางอย่างว่าควรชื่นชมหรือเพิกเฉย มองในมุมหนึ่ง สิ่งเหล่านี้อาจช่วยสร้างมาตรฐานหรือเป้าหมายบางอย่างให้กับสังคม ทำให้ผู้คนยึดถือและพยายามพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น แต่ในอีกมุมหนึ่ง กลับสร้างบาดแผลให้กับ 'ตัวตน' ของใครบางคนอย่างแสนสาหัส เพราะ...
หากใครบางคนไม่สามารถไปถึงเป้าหมายหรือมาตรฐานที่สังคมกำหนดไว้ สิ่งเหล่านั้นอาจหล่อหลอมความคิดว่า
⎯ ฉันมีค่าไม่พอ
⎯ ฉันเก่งไม่พอ
⎯ ฉันสวยไม่พอ
⎯ ฉันผอมไม่พอ
⎯ ฉันดีไม่พอ
จนทำให้ใครบางคนเติบโตขึ้นโดยไม่สามารถ รักตัวเองได้
ความรู้สึกเหล่านี้ทรงพลังมาก เพราะไม่มีใครทำร้ายตัวเองได้อย่างใจร้ายเท่ากับตัวเราเอง สิ่งนี้ส่งผลกระทบด้านลบต่อการเรียน การทำงาน การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น ความเชื่อมั่นในตนเอง และ ความกล้าที่จะคว้าโอกาสในชีวิต พวกเขาอาจสร้างกำแพงแห่ง "ความจำกัดในความสามารถของตัวเอง" มากั้นระหว่างตนเองกับโอกาสที่เข้ามาในชีวิต
⎯ ฉันเรียนไม่เก่ง
⎯ ฉันทำงานไม่เก่ง
⎯ ไม่มีใครอยากได้ฉันเป็นเพื่อนหรือเพื่อนร่วมงาน
⎯ ฉันคงทำมันไม่ได้หรอก
สุดท้าย พวกเขาเลือกที่จะอยู่ใน "พื้นที่ปลอดภัยของตัวเอง" ด้วยเหตุผลที่กล่อมตัวเองว่า "เราก็เป็นแบบนี้" แต่คำถามคือ... แล้วใครกันแน่เป็นผู้กำหนดมาตรฐานเหล่านี้ ?
☑️ ในช่วงปฐมวัยที่กำลังสร้างตัวตน (Autonomy)
เด็กวัยนี้มีความสามารถในการเดิน วิ่ง รื้อค้น เล่น และลงมือทำได้ดีมาก พวกเขาสำรวจและเรียนรู้โลกผ่านการลงมือทำจริง รวมถึงจำลองเหตุการณ์ต่าง ๆ ผ่าน การเล่นเชิงสัญลักษณ์ (Symbolic Play) และ การเล่นบทบาทสมมติ (Pretend Play) พวกเขาช่างสงสัย สำรวจโลก สร้างความจำเพื่อนำมาใช้ และพัฒนาทักษะการคิดเชิงเหตุและผลแบบไม่ซับซ้อน
หากพ่อแม่เปิดโอกาสให้ลูกได้เล่นและเรียนรู้อย่างเต็มที่ มอบความรักและความปลอดภัย รวมถึงชมเชยในสิ่งที่ดี เด็กจะมีความเชื่อมั่นในตัวเอง ภูมิใจในตนเอง และสามารถยอมรับตัวเองได้ แต่หากพ่อแม่ห้ามปราม ดุ ตำหนิในทุกสิ่งที่ลูกทำ เช่น มองว่าลูก เลอะเทอะ สกปรก เสียงดัง ดื้อ หรือ เปรียบเทียบกับผู้อื่น (“ทำไมไม่เอาอย่างคนนั้น?” “ทำไมไม่เก่งเหมือนคนนี้?”) รวมถึงใช้ความรุนแรงในการดูแลลูก เด็กอาจ สูญเสียความเชื่อมั่น ไม่กล้าลงมือทำ ไม่ภูมิใจในตัวเอง และอาจมีปัญหาด้านพฤติกรรมและพัฒนาการในอนาคต
☑️ ในช่วงวัยประถมศึกษา
เด็กเริ่มไปโรงเรียนเพื่อเรียนรู้ทั้งเนื้อหาตามหลักสูตร การสร้างกลุ่มเพื่อน และการพัฒนาทักษะที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตในอนาคต ไม่ว่าจะเป็น ทักษะการสื่อสาร การทำงานร่วมกับผู้อื่น การแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง การเจรจาต่อรอง การปรับตัว และการควบคุมอารมณ์
เด็กวัยนี้เริ่มรับรู้ถึงความแตกต่างระหว่างตนเองกับผู้อื่น และเริ่มเปรียบเทียบทั้งรูปลักษณ์ ทักษะ ความสามารถ และด้านอื่น ๆ ดังนั้น ทุกคนที่อยู่รอบตัวเด็ก ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ครอบครัว ครู หรือเพื่อน ล้วนมีอิทธิพลต่อกรอบความคิดและความเชื่อมั่นในตนเองของเขา
หากพ่อแม่และครูสามารถ ยอมรับตัวตนของเด็กตามความเป็นจริง โดย ไม่เปรียบเทียบกับใคร ไม่ใช้คะแนนหรือความสามารถมาตัดสินคุณค่าของเด็ก แต่เลือก ชื่นชมจุดเด่น และ ให้เวลาในการพัฒนาจุดด้อยอย่างเข้าใจและใจเย็น เด็กจะสามารถ ยอมรับตัวเองในแบบที่เป็น และเติบโตขึ้นอย่างมั่นใจ พร้อมพัฒนาตนเองต่อไปในอนาคต
● บทความที่เกี่ยวข้อง : “รู้จักเวลา” “รู้จักหน้าที่” “รู้จักยับยั้งชั่งใจ” สามทักษะสำคัญสร้างการรับผิดชอบต่อตนเองและผู้อื่น
☑️ ช่วงวัยรุ่นหรือมัธยมศึกษา
เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อในการสร้างอัตลักษณ์ของตนเอง ผ่านการเลียนแบบและซึมซับลักษณะของผู้คนที่เขามองว่าเป็น "บุคคลต้นแบบ" ซึ่งอาจเป็น หัวหน้าแก๊งเพื่อน ดารา นักร้อง ไอดอลเกาหลี นักกีฬา นักดนตรี หรือแม้แต่ บุคคลที่เขามองว่าประสบความสำเร็จในสายตาของเขา (รวมถึงพ่อแม่เอง)
วัยรุ่นเริ่มสร้างบุคลิกและลักษณะของตนเองตามบทบาทที่ได้รับ ไม่ว่าจะเป็น นักเรียน ลูก หัวหน้า ลูกน้อง หรือประชาชนคนหนึ่ง พ่อแม่จึงมักสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงในช่วงวัยนี้ เช่น พฤติกรรมที่บ้านกับที่โรงเรียนอาจแตกต่างกัน หรือบุคลิกบนสื่อสังคมออนไลน์กับในชีวิตจริงอาจไม่เหมือนกัน
● บทความที่เกี่ยวข้อง : “การทำงานบ้าน” สร้างการรับรู้คุณค่าภายในตนเองและผู้อื่น
พ่อแม่ควรให้โอกาสลูกได้ทดลองสร้างอัตลักษณ์ของตนเองอย่างเต็มที่ ภายใต้กรอบที่เหมาะสมของครอบครัว สามารถตักเตือนหรือขอร้องได้ว่าสิ่งใดที่ไม่ควรทำ แต่ในขณะเดียวกันก็ควร เคารพและยอมรับตัวตนของลูก ที่สำคัญ พ่อแม่ต้องเข้าใจว่า "ลูกในตอนนี้มิใช่เด็กคนเดิมอีกต่อไปแล้ว"
หากพ่อแม่ไม่เปิดโอกาสให้ลูกได้เรียนรู้และค้นหาตัวตนของตนเอง เขาอาจเกิดความสับสน และต้อง เก็บกดตัวตนที่แท้จริงไว้ เพียงเพราะพ่อแม่หรือสังคม ไม่พร้อมยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น
การสอนลูกให้โอบรับความแตกต่างของผู้อื่น หากถามว่า เราจะสอนลูกให้โอบรับความแตกต่างของผู้อื่นได้อย่างไร ก็ต้องเริ่มต้นจาก การยอมรับตัวเองให้ได้ก่อน และสิ่งพื้นฐานของการยอมรับตนเองได้ก็คือ การได้รับการยอมรับจากคนที่เขารักที่สุดอย่างพ่อแม่และครอบครัวให้ได้เสียก่อน
หากถามว่า เราจะสอนลูกให้โอบรับความแตกต่างของผู้อื่นได้อย่างไร ก็ต้องเริ่มต้นจากความสามารถในการยอมรับตัวเองให้ได้ก่อน โดยสิ่งพื้นฐานของการยอมรับตนเองได้ก็คือ การได้รับการยอมรับจากคนที่เขารักที่สุดอย่างพ่อแม่และครอบครัวให้ได้เสียก่อนนั่นเอง
✱ ติดตามข่าวสารและกิจกรรม Thai PBS Kids ได้ทาง Website | Facebook | Youtube | LINE Official ✱